เมนู

อุปปัชชชานนปัญหา ที่ 9


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยญาณปรีชา บุคคลที่ว่าจะไปเกิดนั้น รู้ตัวอยู่หรือว่าตัวจะไป
บังเกิด น่ะพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนผู้ประเสริฐจึงแก้ว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารผู้
ประเสริฐ บุคคลที่จะไปเกิดนั้นรู้ตัวอยู่ว่าตัวจะไปเกิด ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงตรัสว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้ากระทำอุปมาไปก่อน
ฝ่ายพระนาคเสนก็ถวายพระพรอุปมาว่า ยถา มหาราช กสโก ขอถวายพระ
พรบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปานดุจคฤหบดีชาวนา วีชานี ปฐวิยํ ปตฺฏฺฐาเปตฺวา หว่านพืช
ข้าวเปลือกลงในนา ได้ฝนฟ้าชุกฉ่ำจำเริญไป คฤหบดีนั้นจะเข้าใจหรือไม่ว่าธัญญะพืชของตนจะ
มีผลมาก น่ะบพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีพระราชโองการตรัสว่า อาม ภนฺเต เออพระผู้เป็นเจ้า
คฤหบดีชาวนานั้น ถ้านาได้ฟ้าได้ฝนแล้วก็รู้ว่าจะได้ผลมากซิ พระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดเล่า ความนี้ก็เหมือนกัน เมื่อตัวบุคคลนั้นจะไปเกิด
ก็รู้ตัวว่าจะไปเกิดข้างหน้า เหมือนคฤหบดีชาวนารู้ว่าจะได้ผล ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากรได้ทรงฟัง มีพระบวรราชหฤทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ
ผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควรแล้ว
อุปัชชชานนปัญหา คำรบ 9 จบเท่านี้

พุทธทัสสนปัญหา ที่ 10


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาเสนผู้เจริญด้วยปรีชา พุทฺโธ อันว่าพระพุทธเจ้านี้ มีอยู่หรือ
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มีอยู่

พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่าพระผู้เป็นเจ้านี้อาจจะชี้ได้หรือไม่ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอยู่ที่นั้น
เสด็จอยู่ที่นี้
พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร สมเด็จ
พระมงกุฏมาจารย์เสด็จเข้าพระนิพพานล่วงไปหาเนื้อหาตัวมิได้นี้ จะให้อาตมาชี้ว่าที่นี้ที่นั้น
จนใจหารู้ที่จะชี้ไม่ ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า นินมต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาไปก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ตํ กึ มญฺญสิ มหาราช พระราชสมภารสำคัญอย่างไรจึง
ถามฉะนี้ เปรียบดุจเปลวอัคคีรุ่งโรจน์โชตนาการ เปลวเพลิงดับ ยังอยู่แต่ถ่าน บพิตรพระราช-
สมภารยังจะชี้เปลวอัคคีได้หรือว่าอยู่ในที่นั้น ๆ จะได้หรือไม่ได้เล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตอบไปว่า เปลวไฟดับนี้จะจับเอาที่ไหนมาชี้
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี ข้อความที่ตรัสถามนี้ก็เหมือนกัน เมื่อสมเด็จ
พระอนันตคุณอดุลยมิ่งมงกุฏโลกจารย์ เสด็จล่วงกับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานไปสูญแล้ว
เหมือนเปลวไฟที่ดับ อาตมาจนอกจนใจไม่รู้ที่จะชี้ให้เห็นพระองค์ได้โดยแท้ ตามกระแสพระ
ราชโองการตรัส
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ ทรงฟังแล้วก็โสมนัสปรีดาตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็น
เจ้าวิสัชนานี้สมควรแล้ว
พุทธทัสสนปัญหา คำรบ 10 จบเท่านี้
จบปัญจมวรรค

ฉัฏฐวรรค


กายอัปปิยปัญหา ที่ 1


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโอการตรัสถามพระนาคเสนสืบไป
ในฉัฏฐวรรคนี้ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้จำเริญด้วยปรีชา ธรรมดาว่าร่างกายนี้
เป็นที่รักแห่งบรรพชิตทั้งหลายหรือประการใด
พระนาคเสนถวายพระพรตอบไปว่า ธรรมดาว่าร่างกายจะได้เป็นที่รักแห่งบรรพชิตหามิได้
ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากรตรัสว่า บรรพชิตไม่รักร่างกาย ก็ทำไมจึงอาบชำระ
กายอยู่เล่า
พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าจึงแก้ไขเปรียบเทียบว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระ
ราชสมภาร เปรียบปานดุจโยธาอันเข้าสู่การณรงค์สางคราม ต้องขวากหนามศัสตราวุธปืนยา
ยังไม่ตาย ก็หากันมารักษาบ้างหรือไม่ น่ะบพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า เออ มีอยู่
พระนาคเสนจึงถามว่า ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร คนที่พิการเจ็บปวดนั้นย่อม
ทาด้วยน้ำมันยา แล้วเอาท่านผ้าเนื้อดีพ้นเข้าไว้ แล้วขำระชะโกรกไปซึ่งบาดแผลด้วยน้ำ กระทำ
ดังนี้หรือ พระราชสมภาร
พรเจ้ากรุงมิลินนท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า อาม ภนฺเต เออ กระนั้น
แหละซิ พระผู้เป็นเจ้า คนเจ็บนั้นเขาก็รักษาแผลนั้น จึงใส่น้ำมันยาเอาท่านผ้าเนื้อดีนั้นพันเข้า
แล้วแก้เอาผ้าออกไว้ล้างชะให้ดีด้วยน้ำมัน กระทำกระนี้
พระนาคเสนองค์อรหาธิบดีมีเถรวาจาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร คน
พิการนั้นล้างชะชำระทาน้ำมันยาที่แผลนั้น รักแผลหรือประการใด น่ะบพิตรพระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่
พระผู้เป็นเจ้า คนเจ็บเขาพันแผลด้วยผ้าทาด้วยน้ำมันแล้วโกรกด้วยน้ำนั้น ใช่จะรักแผลที่กายหา
มิได้ กระทำทั้งนี้ เพื่อจะให้งอกเนื้อใหม่หายไปเป็นปรกติเหมือนแต่ก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารเจ้า
ความนั้นฉันใดเล่า บรรพชิตก็เหมือนกัน อุตส่าห์ปรนนิบัติกาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย เพื่อจะให้